เมื่อเอ่ยถึงเรื่องผีๆ สางๆ ขึ้นมาในหมู่เพื่อนฝูง รับรองว่าจะต้องมีทั้งเชื่อและไม่เชื่อว่าผีมีจริง รวมทั้งคนกลัวผีกับไม่กลัวผี แต่ส่วนมากมักจะเชื่อและกลัวนะครับ หลายๆ คนยอมรับว่าไม่เคยเห็นผีเลยสักครั้งเดียว แต่ก็กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ
แม้แต่คนหนุ่มๆ สาวๆ ทันสมัยก็ยังพูดจาตามยุคสมัย บอกว่า...เป็นอะไรที่...แบบว่า...ไม่อยากเจอะเจอที่สุด... กลัวดิ!
ส่วนคนไม่กลัวผีก็บอกว่า เรื่องผีเป็นเรื่องเหลวไหวเอาไว้หลอกเด็ก พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีตัวตน ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านหมดแล้ว...ผงธุลีจะยังมีฤทธิ์เดชอะไรอีกล่ะ?
วันนี้ผมมีเรื่องน่าขนลุกขนพองมาเล่าให้ฟัง และให้ท่านช่วยพิจารณาว่าผีมีจริงหรือไม่?
สมัยเด็กๆ ผมอยู่แถววัดสิงห์ ย่านบางพลัด ลงสะพานกรุงธนฯ ผ่านภัตตาคารเรือนแพแล้วเลี้ยวซ้าย...ที่นั่นมีชายชราอายุหกสิบเศษชื่อตาเครือ ชอบนั่งซดเหล้าโรงอยู่ที่ม้ายาวหน้าบ้าน มองดูผู้คนผ่านไปมา เด็กๆ วิ่งเล่นเกรียวกราวในตอนเย็น
ชาวบ้านลือกันว่าแกเคยบวชอยู่ที่วัดโพธิ์ท่าเตียน มี "ตาทิพย์" จากวิปัสสนากรรมฐาน จนสามารถเห็นวิญญาณต่างๆ ได้อย่างชัดเจนเหมือนเรามองเห็นคนเป็นๆ นี่เอง
เมื่อสึกหาลาเพศมาได้ครอบครัวก็ประกอบอาชีพค้าขาย กระทั่งมีฐานะมั่นคงและชราแล้วจึงวางมือให้ลูกหลานทำการงานต่อไป
ตาเครือรูปร่างผอมสูง ผมขาวโพลน ชอบนุ่งกางเกงแพรกับสวมเสื้อคอกลม เป็นคนแก่ใจดี รักเด็กๆ ในย่านนั้นเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน มีขนมแจกบ้าง มีของเล่นแจกบ้าง บางวันก็ควักสตางค์ให้เด็กๆ ไปซื้อขนมกิน ตาเครือมักจะยิ้มมากกว่าพูด แต่บทจะพูดขึ้นมาก็มักจะพูดยืดยาว
ผมเคยถามแกว่า...เขาว่าตามองเห็นผีจริงๆ หรือ?
"โอย...เยอะ!" แกตอบยิ้มๆ มองนั่นมองนี่ตามเคย "รอบๆ ตัวเรามีเยอะด้วย โบราณถึงสอนว่าจะทำอะไรไม่ดีไม่งามก็ให้รู้จักอับอายผีสางเทวดา เพราะถึงคนจะไม่เห็น แต่ผีสางเทวดาก็เห็น"
ผมหันซ้ายหันขวาตามสายตาแก แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากคนที่เดินผ่านไปมาเท่านั้นเอง
"ตาเห็นอะไรล่ะครับ?"
"ก็วิญญาณน่ะซี! มากมายพอๆ กับคนเรานี่เอง บางทีมากันแน่นเชียวแทบจะชนกันด้วยซ้ำ...นั่น! ยายกิ่งกับยายกลอย โน่น! ตาแฉ่งกับลุงชื้น...พ่ออั๋นกับแม่อ่อน อ้าว? เป็นไงมั่งเจ้าเปี๊ยก โดนรถชนตายแล้วยังวิ่งซนตามเคย นะเอ็ง"
ตาเครือพูดกับใครที่อยู่ข้างๆ ผม แถมเอื้อมมือไปลูบไล้อากาศว่างเปล่า แต่ท่าทางคล้ายกำลังลูบหัวเด็กอยู่ไม่มีผิด...เล่นเอาผมงี้ขนลุกซ่าไปเลย
จนถึงวันเกิดเรื่องน่าขนหัวลุกที่ผมไม่มีวันลืมได้เลยจนวันตาย!
ตาเครือแจกเงินเด็กๆ ไปซื้อขนมแล้ว แต่ผมเห็นแกนั่งเงียบๆ ซึมๆ เป็นเชิงว่าไม่อยากพูด...หรืออาจจะเริ่มเมาแล้วก็ได้ จำได้ว่าใกล้ค่ำ อากาศฤดูหนาวเยือกเย็น ตาเครือหันไปทางปากซอย ขมวดคิ้วจนผมมองตามเห็นคนเดินผ่านไปมาตามปกติเช่นทุกวัน
"มากันเยอะแยะเชียววันนี้..." แกออกชื่อตามเคย บางคนผมไม่รู้จัก แต่บางคนก็พอจะรู้ว่าตายไปแล้ว จนได้ยินเสียงตาเครือดังขึ้นอีกว่า "อ้อ! เจ้าหลาดก็มาด้วย..."
"หลาดไหนล่ะตา?" ผมหันไปมองหน้าแก "ลุงหลาดช่างไม้หรือเปล่า?"
"เออ! ก็เจ้าหลาดน่ะแหละ ไอ้หนูเอ๊ย" แกถอนใจยาว...คราวนี้ผมแน่ใจว่าตาเครือเมาแล้ว เพราะลุงหลาดยังไม่ตาย แถมผมยังมองไม่เห็นลุงหลาดเลย
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นถึงได้ข่าวว่าลุงฉลาด หรือ "หลาด-ช่างไม้" โดนรถชนตายที่บางแคเมื่อเย็นวานนี้เอง!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตาเครือมีตาทิพย์จริงๆ แม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นวิญญาณด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมขนหัวลุกอยู่นาน นึกแล้วยังน่ากลัวไม่หาย...คุณผู้อ่านช่วยพิจารณาด้วยครับ...ผีมีจริงหรือไม่จริง?!
แม้แต่คนหนุ่มๆ สาวๆ ทันสมัยก็ยังพูดจาตามยุคสมัย บอกว่า...เป็นอะไรที่...แบบว่า...ไม่อยากเจอะเจอที่สุด... กลัวดิ!
ส่วนคนไม่กลัวผีก็บอกว่า เรื่องผีเป็นเรื่องเหลวไหวเอาไว้หลอกเด็ก พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีตัวตน ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านหมดแล้ว...ผงธุลีจะยังมีฤทธิ์เดชอะไรอีกล่ะ?
วันนี้ผมมีเรื่องน่าขนลุกขนพองมาเล่าให้ฟัง และให้ท่านช่วยพิจารณาว่าผีมีจริงหรือไม่?
สมัยเด็กๆ ผมอยู่แถววัดสิงห์ ย่านบางพลัด ลงสะพานกรุงธนฯ ผ่านภัตตาคารเรือนแพแล้วเลี้ยวซ้าย...ที่นั่นมีชายชราอายุหกสิบเศษชื่อตาเครือ ชอบนั่งซดเหล้าโรงอยู่ที่ม้ายาวหน้าบ้าน มองดูผู้คนผ่านไปมา เด็กๆ วิ่งเล่นเกรียวกราวในตอนเย็น
ชาวบ้านลือกันว่าแกเคยบวชอยู่ที่วัดโพธิ์ท่าเตียน มี "ตาทิพย์" จากวิปัสสนากรรมฐาน จนสามารถเห็นวิญญาณต่างๆ ได้อย่างชัดเจนเหมือนเรามองเห็นคนเป็นๆ นี่เอง
เมื่อสึกหาลาเพศมาได้ครอบครัวก็ประกอบอาชีพค้าขาย กระทั่งมีฐานะมั่นคงและชราแล้วจึงวางมือให้ลูกหลานทำการงานต่อไป
ตาเครือรูปร่างผอมสูง ผมขาวโพลน ชอบนุ่งกางเกงแพรกับสวมเสื้อคอกลม เป็นคนแก่ใจดี รักเด็กๆ ในย่านนั้นเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน มีขนมแจกบ้าง มีของเล่นแจกบ้าง บางวันก็ควักสตางค์ให้เด็กๆ ไปซื้อขนมกิน ตาเครือมักจะยิ้มมากกว่าพูด แต่บทจะพูดขึ้นมาก็มักจะพูดยืดยาว
ผมเคยถามแกว่า...เขาว่าตามองเห็นผีจริงๆ หรือ?
"โอย...เยอะ!" แกตอบยิ้มๆ มองนั่นมองนี่ตามเคย "รอบๆ ตัวเรามีเยอะด้วย โบราณถึงสอนว่าจะทำอะไรไม่ดีไม่งามก็ให้รู้จักอับอายผีสางเทวดา เพราะถึงคนจะไม่เห็น แต่ผีสางเทวดาก็เห็น"
ผมหันซ้ายหันขวาตามสายตาแก แต่ก็ไม่เห็นอะไร นอกจากคนที่เดินผ่านไปมาเท่านั้นเอง
"ตาเห็นอะไรล่ะครับ?"
"ก็วิญญาณน่ะซี! มากมายพอๆ กับคนเรานี่เอง บางทีมากันแน่นเชียวแทบจะชนกันด้วยซ้ำ...นั่น! ยายกิ่งกับยายกลอย โน่น! ตาแฉ่งกับลุงชื้น...พ่ออั๋นกับแม่อ่อน อ้าว? เป็นไงมั่งเจ้าเปี๊ยก โดนรถชนตายแล้วยังวิ่งซนตามเคย นะเอ็ง"
ตาเครือพูดกับใครที่อยู่ข้างๆ ผม แถมเอื้อมมือไปลูบไล้อากาศว่างเปล่า แต่ท่าทางคล้ายกำลังลูบหัวเด็กอยู่ไม่มีผิด...เล่นเอาผมงี้ขนลุกซ่าไปเลย
จนถึงวันเกิดเรื่องน่าขนหัวลุกที่ผมไม่มีวันลืมได้เลยจนวันตาย!
ตาเครือแจกเงินเด็กๆ ไปซื้อขนมแล้ว แต่ผมเห็นแกนั่งเงียบๆ ซึมๆ เป็นเชิงว่าไม่อยากพูด...หรืออาจจะเริ่มเมาแล้วก็ได้ จำได้ว่าใกล้ค่ำ อากาศฤดูหนาวเยือกเย็น ตาเครือหันไปทางปากซอย ขมวดคิ้วจนผมมองตามเห็นคนเดินผ่านไปมาตามปกติเช่นทุกวัน
"มากันเยอะแยะเชียววันนี้..." แกออกชื่อตามเคย บางคนผมไม่รู้จัก แต่บางคนก็พอจะรู้ว่าตายไปแล้ว จนได้ยินเสียงตาเครือดังขึ้นอีกว่า "อ้อ! เจ้าหลาดก็มาด้วย..."
"หลาดไหนล่ะตา?" ผมหันไปมองหน้าแก "ลุงหลาดช่างไม้หรือเปล่า?"
"เออ! ก็เจ้าหลาดน่ะแหละ ไอ้หนูเอ๊ย" แกถอนใจยาว...คราวนี้ผมแน่ใจว่าตาเครือเมาแล้ว เพราะลุงหลาดยังไม่ตาย แถมผมยังมองไม่เห็นลุงหลาดเลย
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นถึงได้ข่าวว่าลุงฉลาด หรือ "หลาด-ช่างไม้" โดนรถชนตายที่บางแคเมื่อเย็นวานนี้เอง!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตาเครือมีตาทิพย์จริงๆ แม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นวิญญาณด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมขนหัวลุกอยู่นาน นึกแล้วยังน่ากลัวไม่หาย...คุณผู้อ่านช่วยพิจารณาด้วยครับ...ผีมีจริงหรือไม่จริง?!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น